มนุษย์เราใช้สีเป็นตัวบอกอารมณ์ บอกสัญลักษณ์ต่าง ๆ รวมถึงการบอกเพศด้วย เราจึงเห็นตุ๊กตาบาร์บี้เป็นสีชมพู และฮีโร่นักสู้เป็นสีน้ำเงิน ซึ่งในโลกยุคปัจจุบัน หลายคนข้ามข้อจำกัดของเพศและสีไปไกลกว่านั้นแล้ว ใครใช้สีอะไรแล้วสบายใจ มีความสุข ก็ใช้เลย! ธง Pride จึงใช้สีรุ้งซึ่งมีทุกสีมารวมกัน บ่งบอกถึงความหลากหลายของผู้คนไม่ว่าจะทางเพศหรือทางอะไร TestBKK จึงขอพาคุณมาเข้าใจความหมายของสีแต่ละสีที่ใช้ในธง Pride กันก่อน เพื่อความอินในคอนเสปของ LGBTQIA
ไม่ว่าจะในช่วงโควิดหรือไม่โควิด ห้องยังคงเป็นสถานที่ ๆ ให้พลังงานแก่เราเสมอ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะสร้างให้เกิดพลังงานแบบไหนให้ตัวเอง บางคนชอบให้มีต้นไม้ในบ้านเยอะ ๆ เพื่อสร้างความสดชื่น บางคนชอบห้องเรียบ ๆ สไตล์มูจิ ใช้ของจากอิเกียร์ล้วน ๆ ไปเลยจ้า แต่ในเดือนนี้ TestBKK เชิญชวนทุกคนมาสร้างสีสันและพลังงานบวกให้กับตัวเองและคนรอบข้างโดยการใช้ธง Pride แขวนตกแต่งในห้อง หรือที่ระเบียงนอกห้องก็ได้นะ
บางทีการซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่สีสายรุ้งอาจจะเป็นการสิ้นเปลืองเกินไปถ้าสไตล์การแต่งตัวในชีวิตประจำวันของคุณไม่แมช เราจึงมีไอเดียในการเพิ่มสีสันความสนุกเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับ everyday look มาให้คุณลองเลือกใช้กัน เช่น การเพ้นท์เล็บ (เก็บไว้ 2 อาทิตย์ก็ล้างออกได้) การใส่ถุงเท้าสีรุ้ง (ผลุบ ๆ โผล่ ๆ เมื่อใส่กางเกงขายาว) หรือสำหรับคนที่ทำสีผมอยู่แล้ว อาจจะมีสักวันที่คุณลองประโคมทุกสีลงบนผมคุณ อาจจะเป็นแค่ปลายผม หรือบางช่อ หรือถ้าอยากสนุกก็ทั้งศรีษะเลยก็ได้ครับ
หลายคนในการรวมเพื่อนกันแต่ละครั้งต้องมีคอนเสป เช่น ไปทะเลก็ต้องธีมชุดขาว ปีใหม่ก็ต้องธีมคาวบอย แต่ถ้ามาเจอกันไม่ได้ตอนนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะเฉาอยู่ห้องเฉย ๆ ไม่มีรูปใหม่ ๆ ให้โพสอย่างที่เคย ลองดูไอเดียจาก Instagram ของผู้ใช้ชื่อ msnikkikubik เขาอยากถ่ายธีมสีรุ้ง ก็แบ่งเลยจ่ะ ใครได้สีอะไรก็ไปหาเสื้อผ้ามาตามนั้น จะ DIY จากเสื้อผ้าเก่า ๆ ที่มีอยู่แล้ว หรือจะไปสั่งออนไลน์มาก็ได้ (แนะนำให้ซื้อแบบที่เราน่าจะใส่ได้หลายครั้ง หรือส่งต่อให้เพื่อนพี่น้องใส่ต่อได้) จากนั้นก็รวมรวบเซลฟี่ที่คิดว่าน่าจะสู้เพื่อนได้แน่ ๆ มาใส่แอปคอนลาจรูป หน้าตาก็จะออกมาประมาณรูปข้างบนจ้า
เป็นซีรี่ส์ที่ไม่พูดไม่ได้ เพราะแคสนักแสดงมีกลุ่มทรานส์(ผู้หญิงแปลงเพศ)ในแคสเดียวที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์รายการทีวีที่มีบทเลยทีเดียว ซึ่งในซีรี่ส์ได้เล่าถึงวัฒนธรรมdrag ball ของกลุ่มทรานส์ผิวสีและลาติโน่ในนิวยอร์คในช่วงปี 80 ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากบุคคลดังๆในช่วงนั้นมาแต่งเป็นเส้นเรื่องราวของแต่ละตัวละครในเรื่อง ตอนนี้มี 3 ซีซั่นส์แล้ว ติดตามชมได้ใน Netflix
เป็นซีรี่ส์ที่อาจจะเก่าหน่อย เมื่อเทียบกับบรรดาเรื่องอื่นๆที่รีวิวในนี้ แต่ก็ไม่ได้เป็นซีรี่ส์แรกที่พูดถึงเรื่อง LGBTQI+ บนจอเงิน หากแต่ว่าเป็นซีรี่ส์ที่เปิดใจความวัยรุ่นที่ต้องเผชิญกับแรงกดดันในการ LGBTQI+ ในสังคมวัยเรียน ทั้งจากเพื่อน คนรอบข้าง พ่อแม่ และครู ซึ่งเรื่องนี้ออกมาก่อนที่อเมริกาจะให้คู่เพศเดียวกันแต่งงานได้ในปี 2015 ทำให้เป็นซีรี่ส์ไม่กี่เรื่องในวัยเรียนของใครหลายคนที่พอจะเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจในช่วงเปราะบาง เพราะตัวละครหลายคนก็ได้แสดงช่วงที่กำลังเรียนรู้ อยากแสดงออกแต่อาจโดนสังคมตีกรอบ เลยเป็นตัวอย่างให้ได้ว่าพวกเขาผ่านพ้นช่วงเวลานั้นได้อย่างไรขณะที่ต้องเผชิญปัญหาอะไรหลายๆอย่าง โดยมีชมรมร้องเพลงเป็นจุดศูนย์กลางของเรื่อง ในการใช้พลังของการร้องเพลงมาเยียวยาหรือมาช่วยสร้างสรรค์อะไรสักอย่างเพื่อผ่านพ้นอะไรไปได้ ตอนนี้ซีรี่ส์ได้จบไปแล้ว มีทั้งหมด 6 ซีซั่นส์ ดูย้อนหลังได้ใน Netflix
เป็นซิทคอมที่ยาวนานที่สุดของช่อง ABC มี 11 ซีซั่นส์ และทำเป็นในสไตล์ mockumentary ที่เล่าเรื่องถึง 3 ครอบครัวที่อยู่ในแอลเอ โดยที่มีครอบครัวหนึ่งเป็นครอบครัวเกย์ ในซีรี่ส์ก็เล่าถึงเรื่องปัญหาปกติที่ครอบครัวสมัยใหม่ต้องมาเจอ แล้วได้เบลนด์เรื่อง LGBTQI+ เข้ามาในเรื่องให้การมีอยู่ของครอบครัวLGBTQI+เป็นเรื่องปกติ และพิธีแต่งงานของคู่นี้ให้เห็นในเรื่องด้วย หากอยากดูย้อนหลังสามารถดูได้ใน Netflix
ซีรี่ส์ใหม่ที่พูดถึงผู้ชายคนหนึ่งที่มีไฟแรงในการที่จะเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาให้ได้โดยต้องเริ่มไต่เต้าเป็นประธานนักเรียนของที่โรงเรียนของตัวเองก่อน ในเรื่องเสียดสีเกมการเมืองในอเมริกาให้ย่อลงมาในระดับโรงเรียน และในซีซั่นส์ 2 ก็ได้ขยายใหญ่ขึ้นให้เป็นสมาชิกวุฒิสภาในรัฐนิวยอร์ค โดยที่พระเอกของเราเป็นเกย์แต่เพื่อประโยชน์ทางการเมือง ต้องมีคู่รักข้างกายเป็นผู้หญิงเพื่อเอาใจประชาชนที่ส่วนใหญ่ยังมองผู้นำในสังคมต้องเป็น heterosexual ดู The Politician ทั้ง 2 ซีซั่นส์ได้ใน Netflix
เป็นฆาตกรจำเป็นที่สวยมากที่สุดคนหนึ่งในบรรดาซีรี่ส์ที่เคยดูมา มุมกล้อง เสื้อผ้า อาร์ตไดเรคชั่น สวยมากเรื่องหนึ่ง และแนะนำว่าต้องดูสักครั้งหนึ่งจริงๆ เพราะมันก็สนุกมากๆด้วย เรื่องได้ตั้งอยู่ในช่วง 1947 โดยเซ็นเตอร์ของเรื่องอยู่รอบผู้หญิงคนนึง ชื่อ Mildred Ratched ที่ได้เป็นนางพยาบาลในโรงพยาบาลโรคจิตที่จะพยายามช่วยพี่ชายที่เป็นฆาตกรโรคจิต แล้วเนื่องจากในช่วง 1947 คอนเซ็ปต์ของ LGBTQI+ ค่อนข้างไม่เป็นที่ยอมรับทำให้นางเอกของเราซึ่งลึกๆแล้วอาจจะเป็นเลสเบี้ยนต้องเก็บความรู้สึกไว้ และในเรื่องก็มีการแสดงถึงความโหดร้ายในการ”รักษา”การเป็นเลสเบี้ยน ซึ่งจริงๆแล้วคือการทรมาน ก็เป็นหนึ่งในเรื่องที่เล่าเรื่องการเป็นเลสเบี้ยนในยุคสมัยก่อน ที่เวลาจะเจอกันต้องเจอกันที่ cabin นอกเมือง และหลบๆซ่อนตัวตนของตัวเองขณะอยู่ที่สาธารณะอื่นๆ ตอนนี้มีแค่ซีซั่นส์เดียว แต่ตอนนี้รอซีซั่นส์ 2 ไม่ไหวแล้ว ดู Ratched ได้ใน Netflix
เป็นซีรี่ส์ที่สร้างกระแสได้อย่างมากตอนช่วงที่ออกมาเพราะนอกจากชื่อล่อเป้าแล้ว เนื้อหาของเรื่องก็เป็นการเล่าถึงเรื่องสุขภาวะทางเพศของวัยเรียนที่เป็นช่วงค้นหา ลอง และสนุกกัน และพูดถึงเรื่องประเด็นต่างๆที่เหล่าเด็กๆวัยเรียนอาจพบเจอ ไม่ว่าจะเรื่องการลวนลาม การเข้าสังคมไม่ค่อยได้ การไม่รู้จะปรึกษาใครหรือต้องหาความเหลือยังไง ซึ่งเรื่องนี้ก็พยายามเล่าให้เห็นว่าหากน้องๆเป็นคนเหล่านี้ น้องๆไม่ได้อยู่คนเดียว และไม่ต้องกลัวการต้องขอความช่วยเหลือหรือการเผชิญหน้า เราจะผ่านมันไปด้วยกันได้ และในเรื่องได้เล่าถึงLGBTQI+ ผ่านตัวละครเพื่อนของพระเอกที่เป็นผิวสี และมีความสัมพันธ์อันซับซ้อนกับคนที่บูลลี่เขามาโดยตลอด เพราะตัวเขาเองก็สับสนและไม่รู้จะแสดงยังไงออกมา เนื่องจากที่บ้านหัวโบราณมากๆและอึดอัดสุดๆ เรื่องนี้ นอกจากความสันพันธ์อันซับซ้อนของตัวละครรองแล้ว ตัวละครหลักก็มีความซับซ้อนไม่แพ้กัน ตอนนี้มี 2 ซีซั่นส์แล้ว ติดตามชมSex Educationได้ใน Netflix
ซีรี่ส์ไซไฟอมตะที่ไม่ว่าใครได้ยินก็ต้องเคยได้ยินมาจากที่ไหนสักที่หรือรู้จักอยู่บ้าง โดยในซีรี่ส์นี้ที่เป็น pioneer ด้านความinclusiveตั้งแต่เริ่มต้นของการมีรายการทีวี ในซีซั่นใหม่นี้ก็ได้เพิ่ม topic ด้านLGBTQI+ เข้าไปเพื่อเป็นสื่อนำสังคมอย่างที่เคยได้ทำเมื่อ 50 ปีที่แล้ว จากการทำฉากจูบระหว่างคนผิวสีกับคนผิวขาวออกอากาศ ถึงแม้จะไม่ใช่ซีรี่ส์แรกที่พูดถึงเรื่องเกย์แต่ก็มีคู่เกย์แสดงในเรื่องให้เป็นเรื่องปกติเรื่องหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องพิเศษหรือที่ต้องจับตามอง เพราะเขาได้ present ออกมาได้ธรรมดาและเป็นแค่องค์ประกอบความรักอันหนึ่งในเรื่อง ซึ่งคนดูส่วนใหญ่ก็รู้สึกได้เช่นนั้น ว่าความรักแบบLGBTQI+ เป็นเรื่องปกติ ส่วนตัวเรื่องก็ได้เข้าสู่ยุคใหม่ของstar trekที่มียานลำใหม่ ภารกิจใหม่ในกาแล็คซี่ใหม่ และก็ภัยคุกคามใหม่ที่จะเกิดขึ้นกับจักรวาลอันใหม่ที่เหล่าทีมงานในยาน USS. Discovery ต้องชนะให้ได้ ตอนนี้ซีรี่ส์นี้มี 3 ซีซั่นส์ และย้อนดูได้ใน Netflix
และแน่นอนการเข้าไปยังชุมชนต่าง ๆ ที่เราอยู่ก็มีความสำคัญ นอกจากนี้การทำความเข้าใจความแตกต่างที่มากขึ้นก็มีความสำคัญมากด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น Non-binary การไม่ยึดติดกับเพศตรงข้าม หรือ Intersex ที่เราต้องเข้าไปทำความเข้าใจ และอีกหลากหลายที่เราไม่คุ้นเคย เพราะแต่ก่อนเมื่อเราไม่เข้าใจและเห็นคนที่แตกต่างนอกจากเพศหญิงหรือชาย คือสิ่งที่ผิดทำให้เราให้เราเลือกที่จะปฎิบัติแตกต่างไป นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่สำคัญในการผลักดันความเท่าเทียมคือความเข้าใจ
การบริจาคเพื่อสนับสนุนในองค์กรที่ช่วยเหลือหรือสนับสนุนความหลากหลายทางเพศ ก็เป็นอีกทางเลือกนึงที่เป็นการร่วมเฉลิมฉลองเดือนไพรด์ได้เหมือนกัน อย่างสือหนังสือจากผู้เขียนที่สนันสนุนความหลากหลายหรือองค์ก่อนความเท่าเทียมกัน เลือกใช้ของ เลือกซื้อเสื้อสินค้าที่สนับสนุนความหลากหลายทางเพศจริงๆที่สนันสนุนทั้งในเรื่องของคอลเลกชั่นต่างๆและในเรื่องของนโยบายบริษัท ก็เป็นอีกทางเลือกนึงที่สนับสนุนได้เหมือนกัน นอกจากนี้การเข้าร่วมกิจกรรมออนไลน์สนุกๆที่หาเงินเก็บค่าลงทะเบียนออนไลน์ก็น่าสนใจนะอย่างถ้าคุณสนใจเต้นก็มีคลาสฉลองสอนเต้นออนไลน์ในเดือนไพรด์ อย่างปีที่แล้ว The London Dance Academy มีการจัดสอนเต้นจาก Drag ตัวแม่ของ Rupaul’s ทีม หรือหากคุณอยากเป็นดีเจก็อาจมีเก็บเงินลงทะเบียนแล้วเอาเงินอีกส่วนไปบริจาค APCOM FOUNDATION ก็เป็นหนึ่งในองค์กรที่สนับสนุนความหลากหลายทางเพศ ความเท่าเทียม และความเป็นอยู่ของกลุ่ม LGBTQIA+ ในเอเชียและเอเชียแปซิฟิก เรามีการจัดประชุมที่ได้รับความร่วมมือจาก สถานทูตออสเตรเลีย สถานทูตแคนาดา ที่ร่วมกันผลักดันในเรื่องความเป็นอยู่ของ LGBTQIA+ อยู่ทุกปี งานที่จะเกิดขึ้นงานใหญ่เร็ว ๆ นี้คือ Bangkok Pride 2.0 หากสนใจก็สามารถเข้าไปลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมกับเราได้ หรือร่วมบริจาค ก็สามารถทำได้เช่นกัน
